วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การจัดกระเป๋าและสัมภาระ

      
       8. เมื่อพูดถึงการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางแล้วหลาย ๆ คนถึงกับประสาทกินเลยทีเดียว ยิ่งถ้าต้องเดินทางไกลเป็นเวลานาน ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งต้องคิดหนักใช่มั้ยหล่ะครับ วันนี้เราจะมาคุยว่ามีเรื่องจุกจิกอะไรบ้างที่เราต้องคำนึงถึงในการจัดกระเป๋ากันครับ
       8.1. แบบที่เหมาะสม ใช่แล้วครับรูปแบบของกระเป๋าเป็นอย่างแรกเลยที่เราต้องคำนึงถึง คุณผู้ชายหลาย ๆ คนอาจจะชอบแบบเป้สะพายหลังใบใหญ่ยักษ์ ที่ให้ทั้งความรู้สึกที่แสนแมนและจิตวิญญาณนักผจัญภัย แต่ผมคิดว่าควรจะเก็บเป้ใบเก่งของคุณไว้เดินป่าดีกว่าครับ เก็บมาดและความรู้สึกอันแสนแมนซ่อนไว้ก่อน แล้วหันมาลองพิจารณากระเป๋าเดินทางแบบล้อลากดู มันอาจจะขัดกับบุคลิกห่าม ๆ ของคุณไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นดีต่อสุขภาพช่วงหลังและเอวของคุณ ถ้าอยากจะเหลือกลิ่นอายความแมนไว้หน่อย ก็ลองเลือกแบบที่ทำจากผ้าใบเนื้อหนาสีตุ่น ๆ ก็น่าจะเหมาะกว่า ควรเลือกแบบล้อใหญ่เน้นทนทานและจะให้ดีก็ควรจะมีโช้คอัพกันกระเทือนด้วย เพราะการลากกระเป๋าเป็นเดือน ๆ ไปนู่นมานี่นั้นเราจะต้องเจอกับสภาพพื้นผิวถนนทุกรูปแบบ ควรจะเลือกแบบที่เน้นทนไว้ก่อนจะดีกว่าเน้นสวยครับ ถ้าหากเกิดพังขึ้นมากลางทางแล้วหล่ะก็จะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
       กระเป๋าลากแบบวัสดุอัดแข็งก็เป็นอีกแบบที่ไม่ควรจะเลือก กระเป๋าแบบนั้นมีข้อดีอย่างเดียวคือสวยแต่ประโยชน์ใช้สอยค่อนข้างจำกัดครับ ทั้งจุของได้ไม่มาก,น้ำหนักเย๊อะและขาดความยืดหยุ่น ถ้าเกิดแตกหักเสียหายแล้วก็เป็นอันจบ ในขณะที่กระเป๋าผ้าใบเนื้อหนานั้นจะมีความยืดหยุ่นสูงและจุของได้มากกว่า วัสดุที่ใช้ทำคือผ้าทำให้มีน้ำหนักเบาแล้วในบางแบบยังสามารถขยายขนาดได้อีกนิดหน่อย อีกทั้งเต็มไปด้วยช่องเล็กช่องน้อยทั้งข้างในข้างนอก เรียกได้ว่าประโยชน์ใช้สอยครบครัน ถ้าหากเกิดชำรุดฉีกขาดระหว่างทาง ก็สามารถซ่อมแซมแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยง่าย เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากว่าแบบโครงแข็งอย่างแน่นอนครับ
       8.2ควรจะหากระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดกำลังดีไว้ใส่ของใช้จุกจิกประจำวัน เลือกขนาดพอประมาณ วัสดุทำจากผ้าเนื้อดีที่กันน้ำ เนื้อผ้าควรจะหนาหรือเหนียวสักหน่อยเพื่อป้องกันการโดนกรีดด้วยของมีคม พวกมิจฉาชีพเขาทำงานประจำอยู่ทุกมุมโลกครับ กระเป๋าของเราทุกใบควรจะแข็งแรงและล็อคได้  จะเลือกแบบมีล็อคในตัวหรือว่าต้องซื้อแม่กุญแจมาล็อคเพิ่มก็สุดแล้วแต่ชอบครับ
      9. การจัดเสื้อผ้าควรคำนึงให้เหมาะสมตามฤดูกาล ทวีปยุโรปสำหรับคนไทยแล้วมีแต่หนาวและหนาวจัด ดังนั้นการจัดเสื้อผ้าให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น อีกทั้งสภาพอากาศที่เหมือนจะแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ เราจึงควรตระเตรียมไปให้พร้อม คิดเสมอครับว่าเหลือดีกว่าขาด สภาพอากาศในยุโรปสามารถจำแนกได้คร่าว ๆ อยู่ 3 แบบ ผมจึงขอแนะนำหลักเกณฑ์ในการจัดเตรียมเสื้อผ้าให้พอสังเขปดังนี้ครับ
       9.1.ช่วงฤดูหนาว(พฤศจิกายน-มีนาคม) เป็นช่วงที่อากาศหนาวจัด อาจมีลมแรงและหิมะตก ควรจัดเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปให้เพียงพอ เสื้อกันหนาวนั้นควรจะเป็นแบบบุด้วยเส้นใยขนสัตว์ที่สามารถกันน้ำและกันลมได้เต็มที่ หมวกกันหนาว ถุงมือหนังหรือไหมพรมเนื้อละเอียด ถุงเท้าอย่างดีเนื้อหนาและรองเท้าบู้ต สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือกางเกงในขายาวแบบลองก์จอห์น
       การเดินทางในหน้าหนาวอาจจะลำบากกันสักหน่อยในการขนสัมภาระพวกเครื่องกันหนาว แต่ก็มีข้อดีที่ว่าอากาศมันเย็นมากจนเราไม่มีเหงื่อ ดังนั้นกางเกงและเสื้อจึงไม่ค่อยเปื้อนหรือมีกลิ่นเหม็น ทำให้สามารถนำกลับมาใส่ได้ใหม่อีกหลายครั้งโดยไม่จำเป็นต้องซัก ในการแพ็คกระเป๋าสำหรับฤดูนี้จึงควรใช้ข้อได้เปรียบข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยขนไปแต่เครื่องกันหนาวและชุดชั้นในให้ครบอย่าได้ขาด ส่วนกางเกงและเสื้อธรรมดาขนไปแค่พอประมาณก็พอครับ แค่นี้ก็สามารถทุ่นน้ำหนักและแรงในการขนลงได้อีกเย๊อะเลยหล่ะครับ
       9.2.ช่วงฤดูที่อากาศอบอุ่น ซึ่งแบ่งออกเป็นสองช่วงครับคือฤดูใบไม้ผลิ(เมษายน-มิถุนายน) กับฤดูใบไม้ร่วง(กันยายน-ตุลาคม) สองฤดูที่กล่าวถึงนี้สภาพอากาศไม่ค่อยหนาวทารุณแต่ก็ยังนับว่าเย็นเอาการอยู่สำหรับคนไทย ควรจัดเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตหรือสเวตเตอร์แบบที่พอจะกันฝนกันลมได้เหมือนกับที่เตรียมไปใส่สวย ๆ ช่วงปลายปีที่เชียงใหม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือร่มและผ้าพันคอ ฤดูนี้ถ้าฝนลงเม็ดหน่อยอุณหภูมิก็ลดฮวบฮาบลงหนาวเอาเรื่องเหมือนกันครับ
       ส่วนการใส่เสื้อผ้าซ้ำเหมือนหน้าหนาวก็พอเป็นไปได้ครับ นอกเสียจากว่าคุณเดินทางไปทางใต้อย่างกรีซ,อิตาลี หรือสเปนซึ่งอากาศเริ่มร้อนแล้ว การจะนำเสื้อผ้าเปื้อนเหงื่อกลับมาใส่ใหม่อาจจะดูน่าอึดอัดสำหรับบางคน แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นคนไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวเลยก็ตามสะดวกครับ
       9.3.ช่วงฤดูร้อน(กรกฎาคม-สิงหาคม) สภาพอากาศช่วงนี้ค่อนข้างสบาย ๆ สำหรับคนไทย การจัดกระเป๋าก็ไม่ต้องเตรียมเครื่องกันหนาวไปมากนัก แค่เตรียมแจ็คเก็ตไว้ใส่ช่วงเช้า ๆ กับกลางคืนดึก ๆ ก็พอ แต่อากาศในฤดูร้อนของทางยุโรปนั้นมีเรื่องให้ต้องระวังอยู่นิดหน่อย คือคลื่นความร้อนจากทวีปแอฟริกาที่มักจะแผ่เข้ามาปกคลุมภาคพื้นทวีปอยู่เป็นระยะ  คลื่นความร้อนที่ว่านั้นจากที่ได้ยินมานับว่าทารุณเอาการอยู่ครับ รุนแรงถึงขั้นที่ว่าทำเอาเด็กและคนแก่ฝรั่งป่วยตายกันปีละหลายคนเลยทีเดียว
       แต่สำหรับคนไทยจากเมืองร้อนอย่างพวกเราแล้วจะร้อนทารุณแค่ไหนเราก็พอจะรับมือได้ ในการเดินทางสมัยก่อนอาจจะมีเรื่องให้หนักใจอยู่นิดหน่อยตรงที่เขาไม่ค่อยติดเครื่องทำความเย็นกัน แต่หลังจากเผชิญวิกฤตคลื่นความร้อนหลายปีติดต่อกันเข้า เดี๋ยวนี้ตามอาคารสาธารณะทั่วไปมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหล่ะครับ
       การจัดเสื้อผ้านั้นไม่จำเป็นต้องจัดไปจนครบวันหรอกนะครับ ให้เตรียมไปพอประมาณเน้นชุดนอนชุดเที่ยวชุดเดียวกันจะดีกว่า เสื้อผ้าที่เตรียมไปควรเป็นแบบซักและดูแลรักษาเองได้ง่าย เนื้อผ้าเป็นแบบไม่ต้องรีดและสกปรกยากจะดีมาก อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าอากาศที่ยุโรปแห้งและเย็นกว่าบ้านเรา จึงตัดปัญหาเหงื่อและกลิ่นตัวไปได้ในระดับหนึ่ง เสื้อบางตัวที่ใส่ในวันที่ไม่ร้อนมากสามารถนำกลับมาใส่ซ้ำได้อีกถ้าไม่มีกลิ่น ส่วนกางเกงยีนส์โดยเฉพาะของคุณผู้ชายไม่ต้องพูดถึงครับ จะใส่ซ้ำเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า นอกเสียจากว่ากลิ่นมันฟ้องจนเจ้าตัวทนไม่ไหวเอง เสื้อผ้าหรู ๆ แพง ๆ ไม่จำเป็นไม่ต้องเอาไปครับ แต่หากคุณมีโปรแกรมพิเศษอย่างเช่นดูมหรสพ จำพวกละครเวที,โอเปราหรือดินเนอร์ตามภัตตาคารหรู ถึงค่อยจัดเตรียมเครื่องแต่งกายไปให้เหมาะสมและถูกกาลเทศะด้วยนะครับ
       อยากเรียนว่าที่ยุโรปนั้นนอกจากย่านช็อปปิ้งหรูตามเมืองใหญ่ ผู้คนเขาไม่ค่อยจะสนใจกันนักหรอกครับเรื่องเสื้อผ้าแบรนด์แนมราคาแพง ไอ้เรื่องที่ว่าจะไปแต่งตัวประชันใครนั้นควรจะตัดออกไปก่อนครับ เข้าตาคนหน่ะเข้าแน่แต่กลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพเสียมากกว่า เน้นแต่งกายเรียบง่ายและสุภาพ ไม่เตะตาคนจนเกินไปนักจะปลอดภัยกว่าครับ
       10.เครื้องสำอางและยาคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ พวกเครื่องสำอางนั้นหากว่าไม่ได้เป็นของหาซื้อยาก จำพวกไวท์เทนนิ่งหรือครีมยารักษาสิว,ฝ้าที่หมอจัดให้ ก็อย่าหอบหิ้วไปให้หนักกระเป๋าเลยครับ ผมเคยเตรียมทุกอย่างไปทั้งโลชั่น,เจลล้างหน้าหรือแม้กระทั่งสบู่เหลว แล้วกลับพบความจริงว่าของที่ใช้ได้ดีที่บ้านเรานั้นมันช่วยอะไรไม่ได้เลยเมื่อนำไปใช้ที่นู่น ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้งอย่างทารุณจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเลือกซื้อเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพอากาศ แรก ๆ ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าของบ้านเขาจะแพง แต่พอลองเดินเข้าไปเช็คราคาในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็พอกันครับ นอกเสียจากว่าคุณจะติดหรูต้องใช้ของแบรนด์แพง ๆ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
       กลับเป็นจำพวกยาสามัญประจำบ้านเสียอีกที่ควรจะเตรียมไปให้พร้อม หากว่ามีโรคประจำตัวควรจะให้แพทย์จัดยาให้ครบและครอบคลุมตลอดระยะเวลาในการเดินทาง ที่สำคัญคืออย่าลืมให้เขาออกใบรับรองเป็นภาษาอังกฤษติดตัวไปด้วยนะครับ เผื่อกรณีฉุกเฉินอาจจะต้องใช้แสดงเวลาโดนค้นกระเป๋าที่สนามบิน
       พลาสเตอร์ปิดแผลและยาทาแก้เคล็ดขัดยอกก็เป็นอีกอย่างที่ไม่ควรขาด ร้านขายยาที่นู่นสะดวกสบายไม่แพ้บ้านเราก็จริงแต่ราคาแพง ยาหลายตัวต้องซื้อยกกล่องไม่แยกขายปลีกแบบบ้านเรา มีอยู่คราวหนึ่งเพื่อนผมที่ไปด้วยกันเกิดเจ็บคอขึ้นมา ก็เลยพากันไปหาซื้อยาอมแล้วหน้าต้องแตก เพราะดันไปขอซื้อเขาแยกแผง  ฝรั่งคนขายทำหน้างงใหญ่และคงจะนึกเหน็บแนมอยู่ในใจว่าเราขี้ตืด ก็เห็นกล่องนึงราคาปาเข้าไปเกือบห้าร้อยบาทแถมมีตั้ง 4-5 แผง เลยนึกว่าเขาจะแบ่งขายให้แบบบ้านเราไงครับ
       11.เข็ม,ด้าย,กระดุมและกาวตราช้าง เตรียมเหน็บใส่กระเป๋าไปด้วยนะครับไว้กันเหนียว เผื่อว่าเสื้อผ้าขาดกระดุมหลุดหรือแม้กระทั่งพื้นรองเท้าหลุด กระเป๋าล้อลากก็เป็นอะไรที่ใช้งานหนัก ๆ แล้วมักจะมีปัญหา ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเราก็สามารถซ่อมเองง่าย ๆ ก่อนได้ไงครับ
       ที่ยุโรปนั้นของพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่าย ๆ นะครับ อย่างที่เคยบอกไปว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าเปิดถึงแค่หกโมงเย็นและยังปิดวันอาทิตย์ทั้งวันอีกต่างหาก และตามสถิติแล้วเหตุฉุกเฉินไม่คาดฝันมักจะเกิดตอนที่เราไม่พร้อมเสียด้วยสิครับ
       อย่างสุดท้ายที่สำคัญมากลืมไม่ได้เลยเด็ดขาด ก็คือพวกอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคของคุณ อย่าลืมหาซื้อหัวปลั๊กอเนกประสงค์ที่มีช่องและขาเสียบหลาย ๆ แบบติดตัวไปด้วยนะครับ ยุโรปกับบ้านเราใช้ไฟฟ้าแรงดันเท่ากันแต่ที่เป็นปัญหาคือหัวเสียบ ในบางประเทศจะมีหัวเสียบที่ต่างแบบกันนิดหน่อย ดังนั้นเตรียมไปให้พร้อมเลยจะดีมากครับ
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น